เปิดเบสิกวิธีถ่ายรูป สำหรับมือใหม่ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

[Cindy700]

ก่อนเริ่มถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็น วัตถุ สถานที่ หรือบุคคล สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเข้าใจการทำงานของกล้อง และการตั้งค่าพื้นฐานต่าง ๆ เพราะหากเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้ได้ภาพที่สวยงาม และน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่างภาพทุกคนต้องรู้ ดังต่อไปนี้
[ol]

• หลักการของแสง

[/ol]
การจัดการแสง เป็นพื้นฐานหลักของการถ่ายภาพ เพราะไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพกลางแจ้งหรือในร่ม การคำนวณแสงให้เหมาะสม จะช่วยให้ได้ภาพออกมาตรงตามที่ต้องการ โดยกล้องจะใช้การตั้งค่า 3 ค่าในการควบคุมปริมาณแสง ได้แก่ Aperture, Shutter Speed และ ISO ทั้งสามค่านี้ เมื่อปรับให้สมดุลกัน จะทำให้ภาพมีความสว่างที่พอดี ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป
[ul]

• Aperture 

[/ul]
Aperture คือ รูรับแสง หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า "ค่า F" โดยเป็นการควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่กล้อง รวมถึงส่งผลต่อระยะชัดลึกของภาพ หากใช้ค่า F-stop น้อย เช่น F/1.8 รูรับแสงจะกว้าง ทำให้แสงเข้าสู่กล้องมากขึ้น ภาพที่ได้จะสว่าง และมีฉากหลังละลาย (โบเก้) เหมาะกับการถ่ายคน หรือวัตถุให้โดดเด่น 


ในขณะที่หากใช้ค่า F-stop มาก เช่น f/16 รูรับแสงจะแคบ แสงที่เข้าไปจะน้อยลง ทำให้ได้ภาพที่คมชัดทั้งฉากหน้าและฉากหลัง เหมาะกับการถ่ายวิวทิวทัศน์ หรืออาคารสถานที่
[ul]

• Speed Shutter

[/ul]
Shutter Speed คือ ความเร็วในการเปิด และปิดของม่านชัตเตอร์หลังจากที่กดถ่ายภาพ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการควบคุมปริมาณแสง และการจับการเคลื่อนไหว หากตั้งค่า Shutter Speed ต่ำ แสงจะเข้าสู่กล้องได้นาน ภาพที่ได้จะสว่างขึ้น แต่เสี่ยงต่อการเบลอหากมีการเคลื่อนไหว ในทางกลับกัน หากตั้งค่า Shutter Speed สูง แสงที่เข้าสู่กล้องจะน้อยลง แต่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวได้ ทำให้ได้ภาพที่คมชัด 
[ul]

• ISO

[/ul]
ISO คือ ค่าความไวของเซนเซอร์รับแสงในกล้อง หากตั้งค่า ISO ต่ำภาพจะมีคุณภาพสูง รายละเอียดคมชัด และมีสัญญาณรบกวน (Noise) น้อย เหมาะกับการถ่ายภาพในสภาพแสงเพียงพอ เช่น กลางวัน ในส่วนการตั้งค่า ISO สูง จะช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดได้สว่างขึ้น แต่แลกมากับการเกิด Noise ทำให้ภาพดูหยาบ ดังนั้นควรเลือกปรับค่า ISO อย่างสมดุลกับ Aperture และ Shutter Speed เพื่อให้ได้ภาพที่ทั้งสวยงามและคมชัด
[ol]

• การจัดองค์ประกอบภาพ

[/ol]
องค์ประกอบภาพ (Composition) เป็นศิลปะในการจัดวางวัตถุ หรือบุคคลในภาพที่ต้องการให้สมดุล และดึงดูดสายตาคนดู อีกทั้งทำให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจมากขึ้น โดยเทคนิคพื้นฐานของวิธีถ่ายรูปที่นิยมใช้ ได้แก่ 


[ul]

• กฎสามส่วน (Rule of Thirds): การแบ่งเฟรมออกเป็น 9 ช่อง แล้ววางจุดเด่นไว้บนเส้นหรือตามจุดตัด จะช่วยให้ภาพดูบาลานซ์
• การใช้เส้นนำสายตา (Leading Lines): เช่น เส้นถนน ราวบันได หรือแนวธรรมชาติ เพื่อพาผู้ชมมองไปยังจุดสำคัญในภาพ 
• การเว้นพื้นที่ว่าง (Negative Space): ช่วยให้ภาพดูโปร่ง โล่ง และเน้นวัตถุหลักได้ชัดเจนมากขึ้น
• การสร้างพื้นที่กรอบ (Framing): เป็นการถ่ายวัตถุ หรือบุคคลโดยมีกรอบล้อมรอบ เช่น หน้าต่าง ประตู หรือองค์ประกอบอื่น ๆ ล้อมวัตถุหลักให้เด่นชัด

[/ul]


[ol]

• การเลือกจุดโฟกัส

[/ol]
ทุกช็อตที่กดชัตเตอร์ หากต้องการให้ภาพออกมาดูโดดเด่น สิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจ คือการเลือกจุดโฟกัส ซึ่งการเลือกโฟกัสที่ถูกต้อง ช่วยทำให้ผู้ชมสายตาจับจ้องไปยังวัตถุหลักของภาพได้อย่างชัดเจน และยังช่วยสร้างบรรยากาศ ตามที่ผู้ถ่ายต้องการสื่อออกมา หนึ่งในเทคนิคที่นิยมใช้คือ Depth of Field หรือการควบคุมระยะชัดลึก เพื่อกำหนดว่าส่วนใดของภาพจะคมชัด 


นอกจากนี้ เพียงแค่การปรับมุมกล้องเล็กน้อย หรือเลือกโฟกัสไปยังตำแหน่งที่ต่างออกไป ก็สามารถทำให้ได้ภาพที่มีมุมมองใหม่ ๆ และแตกต่างจากเดิมทันที ถือเป็นทักษะที่ทั้งมือใหม่ ควรฝึกฝนให้คล่อง เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายทุกช็อต
[ol]

• การปรับสมดุลแสงสี

[/ol]
สมดุลแสงสี หรือการปรับ White Balance คืออีกพื้นฐานของวิธีถ่ายรูป ซึ่งเป็นการปรับโทนสีของภาพให้ใกล้เคียงกับการมองเห็นจริงของสายตามนุษย์ เพราะสภาพแสงที่แตกต่างกัน เช่น แสงแดดตอนเช้า หรือแสงไฟนีออน อาจทำให้โทนสีของภาพเปลี่ยนไป หากไม่ปรับ White Balance ภาพอาจติดเหลืองหรือติดฟ้าเกินไป ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ 


อย่างไรก็ตาม กล้องส่วนใหญ่จะมีโหมดปรับ White Balance อัตโนมัติ (Auto WB) ซึ่งใช้ง่ายและสะดวก แต่หากต้องการควบคุมรายละเอียดให้ตรงใจมากขึ้น อาจเลือกปรับแบบกำหนดเอง เช่น Daylight Cloudy Tungsten หรือ Fluorescent เพื่อให้สีสันในภาพออกมาตามที่ต้องการ
[ol]

• ศึกษาฟังก์ชันของกล้อง

[/ol]
สุดท้ายอย่าลืมทำความเข้าใจองค์ประกอบของกล้องที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นประเภทกล้อง หรือเลนส์ที่เลือกใช้ รวมไปถึงการศึกษาฟังก์ชันต่าง ๆ ของกล้อง เช่น โหมดถ่ายภาพ หรือปุ่มปรับรายละเอียดต่าง ๆ ของกล้อง ซึ่งการเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญแม้ในสถานการณ์ที่เร่งรีบ


ขอบคุณข้อมูลจาก thesomethingincommon.com